top of page

การออกแบบออฟฟิศที่เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรใหม่

งานออกแบบที่มาพร้อมกับการสร้างแบรนดิ้ง

สายน้ำแห่งชีวิต

Office : Co Working

Work Space : Co Working

Designed and Installation by

In Design and Consultant Co.,Ltd.

ออกแบบออฟฟิศ, ออกแบบสำนักงาน, office design, office interior design

office design knowledge


บริษัท อินดีไซน์ แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
เราได้นำหลักการออกแบบออฟฟิศสีเขียวมาใช้ในการออกแบบให้กับลูกค้าเพื่อลดการปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศ และหลักการออกแบบประหยัดพลังงาน และการรับรอง ISO 14001 : 2015, ISO 9001:2015


 

ออกแบบออฟฟิศ, ออกแบบสำนักงาน, office interior design
ออกแบบออฟฟิศ, ออกแบบสำนักงาน, office interior design


หลักการออกแบบออฟฟิศ

การออกแบบออฟฟิศที่ดีควรคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเอื้อต่อการทำงานอย่างมีความสุขของพนักงาน หลักการออกแบบออฟฟิศที่สำคัญ ได้แก่
 

  • ฟังก์ชันการใช้งาน การออกแบบออฟฟิศควรคำนึงถึงประเภทของธุรกิจและลักษณะงานที่ทำ เพื่อให้มีพื้นที่และอุปกรณ์ที่เพียงพอต่อการทำงานในแต่ละประเภทงาน ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศของธุรกิจด้านไอทีอาจต้องการพื้นที่สำหรับการประชุมและการทำงานเป็นทีม ในขณะที่ออฟฟิศของธุรกิจด้านบริการลูกค้าอาจต้องการพื้นที่สำหรับต้อนรับลูกค้า

    การออกแบบออฟฟิศตามฟังก์ชันการใช้งาน
     

  • ความสะดวกสบาย การออกแบบออฟฟิศควรคำนึงถึงความสะดวกสบายของพนักงาน เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ตัวอย่างเช่น การออกแบบออฟฟิศควรมีแสงสว่างที่ดี อากาศถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิเหมาะสม และมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ

    การออกแบบออฟฟิศเพื่อความสะดวกสบาย
     

  • ภาพลักษณ์องค์กร การออกแบบออฟฟิศควรสะท้อนถึงภาพลักษณ์ขององค์กร เพื่อให้ลูกค้าและคู่ค้าเกิดความประทับใจ ตัวอย่างเช่น การออกแบบออฟฟิศควรมีความสะอาด เรียบร้อย ทันสมัย และสะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กร

    การออกแบบออฟฟิศเพื่อภาพลักษณ์องค์กร

นอกจากหลักการออกแบบออฟฟิศที่สำคัญข้างต้นแล้ว การออกแบบออฟฟิศที่ดีควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้
 

  • ความยืดหยุ่น การออกแบบออฟฟิศควรมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น การออกแบบออฟฟิศควรมีพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ประชุมหรือพื้นที่ทำงานชั่วคราวได้

    การออกแบบออฟฟิศที่มีความยืดหยุ่น
     

  • ความยั่งยืน การออกแบบออฟฟิศควรคำนึงถึงความยั่งยืน เลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และลดมลภาวะ

    การออกแบบออฟฟิศที่ยั่งยืน
     

  • ความปลอดภัย การออกแบบออฟฟิศควรคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

    การออกแบบออฟฟิศที่ปลอดภัย

การออกแบบออฟฟิศที่ดีจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน และสร้างบรรยากาศการทำงานที่มีความสุขให้กับทุกคนในองค์กร

ออกแบบออฟฟิศ, ออกแบบสำนักงาน, office interior design

การจัดพื้นที่ออฟฟิศ

การจัดพื้นที่ออฟฟิศที่ดีควรคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเอื้อต่อการทำงานอย่างมีความสุขของพนักงาน ปัจจัยที่สำคัญในการจัดพื้นที่ออฟฟิศ ได้แก่

  • ประเภทของธุรกิจและลักษณะงานที่ทำ ประเภทของธุรกิจและลักษณะงานที่ทำเป็นตัวกำหนดความต้องการพื้นที่และอุปกรณ์ในออฟฟิศ ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศของธุรกิจด้านไอทีอาจต้องการพื้นที่สำหรับการประชุมและการทำงานเป็นทีม ในขณะที่ออฟฟิศของธุรกิจด้านบริการลูกค้าอาจต้องการพื้นที่สำหรับต้อนรับลูกค้า

  • จำนวนพนักงาน จำนวนพนักงานเป็นตัวกำหนดขนาดพื้นที่ออฟฟิศที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศที่มีพนักงาน 100 คน ต้องการพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร

  • รูปแบบการทำงาน รูปแบบการทำงานเป็นตัวกำหนดการจัดวางพื้นที่ในออฟฟิศ ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศที่พนักงานทำงานเป็นทีมอาจต้องการพื้นที่สำหรับการประชุมและการทำงานร่วมกัน ในขณะที่ออฟฟิศที่พนักงานทำงานเป็นรายบุคคลอาจต้องการพื้นที่สำหรับการทำงานส่วนตัว

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การจัดพื้นที่ออฟฟิศที่ดีควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้

  • ความยืดหยุ่น การจัดพื้นที่ออฟฟิศควรมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น การจัดพื้นที่ออฟฟิศควรมีพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ประชุมหรือพื้นที่ทำงานชั่วคราวได้

  • ความสะดวกสบาย การจัดพื้นที่ออฟฟิศควรคำนึงถึงความสะดวกสบายของพนักงาน เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ตัวอย่างเช่น การจัดพื้นที่ออฟฟิศควรมีแสงสว่างที่ดี อากาศถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิเหมาะสม และมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ

  • ความปลอดภัย การจัดพื้นที่ออฟฟิศควรคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

การจัดพื้นที่ออฟฟิศที่ดีจะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานและผลลัพธ์ที่ดีขึ้นขององค์กร

แนวทางการจัดพื้นที่ออฟฟิศแบบต่างๆ

การจัดพื้นที่ออฟฟิศสามารถแบ่งออกเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ ดังนี้

  • Open Space การจัดพื้นที่แบบ Open Space เป็นการจัดพื้นที่ทำงานแบบเปิดโล่ง โดยไม่มีผนังหรือฉากกั้น พนักงานสามารถมองเห็นกันได้ทั่วทั้งออฟฟิศ การจัดพื้นที่แบบ Open Space ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดและไอเดียใหม่ๆ ได้มากขึ้น และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและการตกแต่ง

  • การจัดพื้นที่ออฟฟิศแบบ Cellular

  • Cellular การจัดพื้นที่แบบ Cellular เป็นการจัดพื้นที่ทำงานแบบแยกส่วน โดยแต่ละส่วนจะมีผนังหรือฉากกั้นกั้นแยกออกจากกัน การจัดพื้นที่แบบ Cellular ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น และช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก

  • การจัดพื้นที่ออฟฟิศแบบ Hybrid

  • Hybrid การจัดพื้นที่แบบ Hybrid เป็นการจัดพื้นที่ทำงานที่ผสมผสานระหว่างแบบ Open Space และแบบ Cellular พนักงานสามารถเลือกทำงานในพื้นที่แบบ Open Space หรือแบบ Cellular ได้ตามความต้องการ

  • การเลือกรูปแบบการจัดพื้นที่ออฟฟิศที่เหมาะสมควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น โดยคำนึงถึงประเภทของธุรกิจ ลักษณะงานที่ทำ จำนวนพนักงาน และรูปแบบการทำงาน

Smart Office

สมาร์ทออฟฟิศคือออฟฟิศที่ใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำงานและการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สะดวกสบายและปลอดภัย

เทคโนโลยีที่มักใช้ในงานสมาร์ทออฟฟิศ ได้แก่

  • ระบบอัตโนมัติ เช่น ระบบจองพื้นที่ทำงาน ระบบควบคุมแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

  • เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ระบบเครือข่าย ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูล ระบบซอฟต์แวร์ เป็นต้น

  • อุปกรณ์สื่อสาร เช่น โทรศัพท์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นต้น

สมาร์ทออฟฟิศมีข้อดีหลายประการ เช่น

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

  • สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สะดวกสบายและปลอดภัย เทคโนโลยีต่างๆ ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น

  • ลดต้นทุน การใช้เทคโนโลยีช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน เป็นต้น

ตัวอย่างของสมาร์ทออฟฟิศ เช่น

  • ออฟฟิศที่มีระบบจองพื้นที่ทำงานอัตโนมัติ พนักงานสามารถจองพื้นที่ทำงานได้ตามความต้องการ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

    ออฟฟิศที่มีระบบจองพื้นที่ทำงานอัตโนมัติ

  • ออฟฟิศที่มีระบบควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ ระบบจะปรับแสงสว่างตามปริมาณแสงธรรมชาติและความต้องการของพนักงาน ช่วยให้ประหยัดพลังงานและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สะดวกสบาย

    ออฟฟิศที่มีระบบควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ

  • ออฟฟิศที่มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบจะปรับอุณหภูมิและความชื้นในอากาศตามความต้องการของพนักงาน ช่วยให้พนักงานรู้สึกสบายตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ หันมาใช้สมาร์ทออฟฟิศกันมากขึ้น เพราะเชื่อว่าสมาร์ทออฟฟิศจะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จ้างเหมาแบบ Turnkey

การออกแบบ และการจ้างเหมาแบบ Turnkey สามารถแก้ปัญหาและตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

Turnkey คืองานที่เจ้าของโครงการ ต้องการให้ผู้รับเหมาไปดำเนินการออกแบบ และก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จแต่เพียงเจ้าเดียว ทำให้สะดวกสบายแก่ผู้ว่าจ้าง

ข้อดีของการทำ Turnkey

1. แก้ปัญหาผู้รับเหมาหนีงาน

2. แก้ปัญหาถ้าจ้างคนออกแบบแล้วไม่รู้ว่าจะจ้างผู้รับเหมาใครดี และไม่มีเวลาดูแลติดตาม

3. ควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี

4. การออกแบบและก่อสร้างตรงตามเวลา

5. ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกแบบและเลือกวัสดุอย่างเต็มที่

ข้อเสียของการทำ Turnkey

1. ผู้รับทำเทิร์นคีย์บางราย อาจจะลักไก่ไม่ทำตาม Spec ที่คุยกันไว้

2. ถ้าลูกค้าได้ผู้ที่ Turnkey ที่บริษัทเล็กหรือบริษัทเปิดใหม่ อาจจะทำงานได้ไม่มีคุณภาพและขาดประสบการณ์ในการควบคุมงานขนาดใหญ่ จะทำให้ลูกค้าเสียน้อยเสียยาก

ฉะนั้นการเลือกผู้จัดทำ Turnkey ต้องเลือกบริษัทที่มีประสบการณ์สูง จะช่วยลดความเสี่ยงได

หลักการการ ทำงานแบบ Turnkey

1. เจ้าของโครงการถ่ายทอด และเสนอความต้องการที่อยากได้ทั้งหมด รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เคยเจอมาให้กับผู้ออกแบบ

2. ผู้ออกแบบหรือผู้ทำ Turnkey จะนำ Requirement ที่ได้มาทำการวางแผน, ออกแบบ, Concept Design, และ budget การก่อสร้างทั้งโครงการนำเสนอให้กับเจ้าของโครงการ เพื่อตัดสินใจ

3. เมื่อเจ้าของโครงการตัดสินใจเลือกเจ้า ที่จะทำเทิร์นคีย์แล้วเจ้าที่จะก่อสร้างและตกแต่ง คือผู้ที่ออกแบบนั่นเอง

4. การออกแบบและตกแต่งก่อสร้าง สามารถดำเนินไปพร้อมกันถ้าเวลาน้อย สามารถเปลี่ยนแปลงแบบได้บ้าง เพิ่มเติมหรือลดได้ตลอด เพื่อจัดสรรให้อยู่ในงบประมาณ โดยการคุยกันระหว่างเจ้าของโครงการและผู้ออกแบบและตกแต่งไปพร้อมกัน

5. ระยะเวลาการออกแบบและก่อสร้าง และกระบวนการทำงานจะเสร็จตามกำหนดการอย่างแน่นอน

6. ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับผู้รับเหมาทิ้งงานนี้ผู้ออกแบบหรือผู้ทำ Turnkey จะเป็นผู้รับผิดชอบกับงานที่ล่าช้าหรืองานไม่เรียบร้อยทั้งหมด

โดยทั่วไปเอกสารประกอบการก่อสร้างงาน Turnkey จะมีความสำคัญมาก

จะมีการกำหนดไว้ว่าพื้นที่บริเวณใดใช้วัสดุชนิดใด ยี่ห้อ ระยะเวลา และอื่นๆ อีกมากมาย

การเลือกใช้วัสดุในการออกแบบออฟฟิศ

การเลือกใช้วัสดุในการออกแบบออฟฟิศมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะวัสดุต่างๆ จะช่วยกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกในการทำงานของพนักงาน การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความสุขให้กับทุกคนในองค์กร

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกใช้วัสดุในการออกแบบออฟฟิศ ได้แก่

  • ฟังก์ชันการใช้งาน วัสดุที่ใช้ควรเหมาะสมกับประเภทของธุรกิจและลักษณะงานที่ทำ ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศของธุรกิจด้านไอทีอาจต้องการวัสดุที่ทันสมัยและทนทาน ในขณะที่ออฟฟิศของธุรกิจด้านบริการลูกค้าอาจต้องการวัสดุที่อบอุ่นและผ่อนคลาย

  • ความสะดวกสบาย วัสดุที่ใช้ควรให้ความสะดวกสบายแก่พนักงาน ตัวอย่างเช่น วัสดุที่ใช้ควรมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย

  • ภาพลักษณ์องค์กร วัสดุที่ใช้ควรสะท้อนถึงภาพลักษณ์ขององค์กร ตัวอย่างเช่น วัสดุที่ใช้ควรมีความทันสมัย หรูหรา หรือเรียบง่าย ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กร

  • ความยั่งยืน วัสดุที่ใช้ควรคำนึงถึงความยั่งยืน ประหยัดพลังงาน และลดมลภาวะ

ตัวอย่างวัสดุที่มักใช้ในงานออกแบบออฟฟิศ ได้แก่

  • วัสดุธรรมชาติ วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน อิฐ ช่วยให้บรรยากาศในการทำงานดูอบอุ่นและผ่อนคลาย วัสดุธรรมชาติยังมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ดูดซับเสียง ป้องกันมลภาวะ และสร้างอากาศบริสุทธิ์

  • วัสดุสังเคราะห์ วัสดุสังเคราะห์ เช่น พลาสติก เหล็ก กระจก ช่วยให้บรรยากาศในการทำงานดูทันสมัยและสะอาดตา วัสดุสังเคราะห์มีความทนทานและดูแลรักษาง่าย แต่อาจก่อให้เกิดมลภาวะได้

  • วัสดุผสม วัสดุผสม เช่น ไม้อัด ไม้ลามิเนต หินสังเคราะห์ ช่วยให้บรรยากาศในการทำงานดูทันสมัยและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน วัสดุผสมมีความทนทานและดูแลรักษาง่าย

การเลือกวัสดุในการออกแบบออฟฟิศควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น โดยคำนึงถึงประเภทของธุรกิจ ลักษณะงานที่ทำ จำนวนพนักงาน และรูปแบบการทำงาน เพื่อให้ได้วัสดุที่เหมาะสมและช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพและมีความสุข

การออกแบบออฟฟิศแนวใหม่

การออกแบบออฟฟิศแนวใหม่ ให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความสุขให้กับทุกคนในองค์กร โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ความยืดหยุ่น การออกแบบออฟฟิศควรมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น การออกแบบออฟฟิศควรมีพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ประชุมหรือพื้นที่ทำงานชั่วคราวได้

  • ความสะดวกสบาย การออกแบบออฟฟิศควรให้ความสะดวกสบายแก่พนักงาน ตัวอย่างเช่น การออกแบบออฟฟิศควรมีแสงสว่างที่ดี อากาศถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิเหมาะสม และมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ

  • ความยั่งยืน การออกแบบออฟฟิศควรคำนึงถึงความยั่งยืน เลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และลดมลภาวะ

นอกจากนี้ การออกแบบออฟฟิศแนวใหม่ยังคำนึงถึงปัจจัยด้านสุขภาพและสุขอนามัยของพนักงาน โดยออกแบบพื้นที่ทำงานให้ปลอดภัย ปราศจากมลพิษ และส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเพียงพอ

แนวทางการออกแบบออฟฟิศแนวใหม่ ได้แก่

  • การจัดพื้นที่แบบ Hybrid เป็นการจัดพื้นที่ทำงานที่ผสมผสานระหว่างแบบ Open Space และแบบ Cellular พนักงานสามารถเลือกทำงานในพื้นที่แบบ Open Space หรือแบบ Cellular ได้ตามความต้องการ

  • การใช้เทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน เช่น ระบบการประชุมทางไกล ระบบจองพื้นที่ทำงาน ระบบติดตามสุขภาพพนักงาน เป็นต้น

  • การออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาพและสุขอนามัย การออกแบบพื้นที่ทำงานให้ปลอดภัย ปราศจากมลพิษ และส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเพียงพอ

การออกแบบออฟฟิศแนวใหม่ ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานและผลลัพธ์ที่ดีขึ้นขององค์กร

Green Office

เกี่ยวข้องกับการสร้างแวดล้อมทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีหลายวิธีในการทำให้สำนักงานเป็น "กรีน" หรือ "เขียว" ได้ นี่คือบางวิธีที่สามารถใช้เพื่อสร้างกรีนออฟฟิศ:

  1. การลดการใช้พลาสติก: ลดการใช้ถ้วยพลาสติกหรือของใช้สิ้นเปลืองอื่นๆ และส่งเสริมการใช้ถ้วยหรือของมังสวิรัติที่สามารถใช้ซ้ำได้

  2. การลดการใช้กระดาษ: ใช้กระดาษมากเท่าใดก็ตามที่จำเป็นและส่งเสริมการใช้กระดาษที่มีรูปแบบที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

  3. การใช้พลังงานทดแทน: ใช้พลังงานที่มีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง เช่น การใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม

  4. การสร้างพื้นที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: สร้างสวนหย่อมหรือพื้นที่เล็กๆ สำหรับการปลูกพืชหรือการพักผ่อนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสำนักงาน

  5. การใช้วัสดุที่มีการรีไซเคิล: การใช้วัสดุและเครื่องมือที่มีการรีไซเคิลหรือมีคุณภาพสูงและมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

  6. การส่งเสริมการใช้ยานพาหนะเขียว: ส่งเสริมการใช้ยานพาหนะเขียวเช่น รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า หรือส่งเสริมการใช้รถจักรยานหรือการเดินทางของพนักงาน

  7. การสร้างการลดปริมาณขยะ: ส่งเสริมการรีไซเคิลและการลดขยะโดยการใช้กล่องบรรจุภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

  8. การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัด: ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัดโดยการติดตั้งโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าและการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานมากขึ้น

  9. การสร้างการลดการใช้น้ำ: ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างประหยัด โดยการติดตั้งเครื่องประหยัดน้ำหรือการแนะนำการใช้น้ำที่มีประสิทธิภาพ

การทำกรีนออฟฟิศสามารถช่วยลดราคาในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวโดยลดค่าใช้จ่ายในพลังงานและวัสดุ รวมถึงส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรในสังคมโดยทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

การจัดฮวงจุ้ยในออฟฟิศ

การจัดฮวงจุ้ยในออฟฟิศ เป็นศาสตร์ที่เชื่อว่าการจัดวางสิ่งต่างๆ ในออฟฟิศตามหลักฮวงจุ้ย จะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและความโชคดีให้กับองค์กร หลักการจัดฮวงจุ้ยในออฟฟิศที่สำคัญ ได้แก่

  • ประตูทางเข้า ประตูทางเข้าออฟฟิศควรอยู่ตรงกลางและกว้างขวาง เพื่อให้พลังงานสามารถไหลเวียนเข้ามาได้อย่างสะดวก ด้านหลังประตูทางเข้าไม่ควรมีสิ่งกีดขวาง เช่น ผนังหรือเสา เพื่อป้องกันพลังงานดีๆ ไหลออก

  • พื้นที่ทำงาน พื้นที่ทำงานควรจัดวางให้เหมาะสมกับประเภทของธุรกิจและลักษณะงานที่ทำ ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศของธุรกิจด้านไอทีอาจต้องการพื้นที่ทำงานที่สว่างและโปร่งโล่ง ในขณะที่ออฟฟิศของธุรกิจด้านบริการลูกค้าอาจต้องการพื้นที่ทำงานที่อบอุ่นและผ่อนคลาย

  • โต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานควรจัดวางให้หันหน้าไปทางประตูทางเข้า เพื่อรับพลังงานดีๆ เข้ามา ด้านหลังโต๊ะทำงานไม่ควรเป็นกำแพงทึบ เพื่อป้องกันพลังงานดีๆ ไหลออก ไม่ควรหันหน้าโต๊ะทำงานไปทางหน้าต่างหรือทางเดิน เพื่อป้องกันพลังงานกระจัดกระจาย

  • ตำแหน่งของผู้บริหาร ห้องทำงานของผู้บริหารควรอยู่ด้านหลังของออฟฟิศ เพื่อให้สามารถมองเห็นและควบคุมการทำงานได้อย่างทั่วถึง ด้านหลังห้องทำงานไม่ควรเป็นหน้าต่างหรือทางเดิน เพื่อป้องกันพลังงานดีๆ ไหลออก

  • สีสัน การเลือกสีสันในออฟฟิศควรเลือกสีที่สดใสและมีชีวิตชีวา เพื่อส่งเสริมพลังงานที่ดี หลีกเลี่ยงการใช้สีโทนมืดหรือสีฉูดฉาด เพราะอาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดและกดดัน

  • ต้นไม้มงคล การปลูกต้นไม้มงคลในออฟฟิศจะช่วยดูดซับพลังงานลบและส่งเสริมพลังงานที่ดี ต้นไม้มงคลที่นิยมปลูกในออฟฟิศ ได้แก่ ต้นไผ่กวนอิม ต้นโป๊ยเซียน ต้นกระบองเพชร ต้นหมากแดง เป็นต้น

 

2_edited.jpg
3.jpg
11.jpg
1.jpg
Plan 2 26-12-2023.jpg
8.jpg
2.jpg
5.jpg
ออกแบบออฟฟิศ, ออกแบบสำนักงาน, office interior design
bottom of page